วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ปรับสมดุลบรรเทาอาหารปวดขา

คัดลอกมาจากหนังสือเส้นสายสร้างดุลยภาพ โดยล้อเกวียน สำนักพิมพ์บริษัทฟ้าอภัยจำกัด พิมพ์ครั้งที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ (เล่มละ ๒๐ บาท ถูกมากๆ)

อาการปวดขานั้นมีหลายแบบ เช่น ปวดขาด้านใน ปวดขาด้านนอก ปวดหน้าขา ปวดหลังขา อาการปวดต่างๆกัน หมายถึงการบอกถึงความอ่อนแอของอวัยวะต่างๆในร่างกายด้วย เพราะแต่ละตำแหน่งนั้นมีเส้นแนวเมอริเดียนของอวัยวะต่างๆผ่าน เช่น

ถ้าปวดขาด้านใน หมายถึง ปัญหาเกิดขึ้นที่ ตับ ม้าม ไต

ถ้าปวดขาด้านนอก หมายถึง ปัญหาเกิดขึ้นที่ ถุงน้ำดี

ถ้าปวดขาด้านหน้า หมายถึง ปัญหาเกิดขึ้นที่ กระเพาะอาหาร

ถ้าปวดขาด้านหลัง หมายถึง ปัญหาเกิดขึ้นที่ กระเพาะปัสสาวะ ไต

ปวดขาด้านใน

คือ สัญญาณบอกถึงการเกิดปัญหากับ ตับ ม้าม ไต อาจมีปัญหาที่แต่ละอวัยวะ หรือ มีปัญหารวมทั้ง ๓ อวัยวะเลยก็ได้ เราต้องหาต้นเหตุก่อนว่ามีอาการปวดที่เส้นใด หรือมีอาหารปวดทั้ง ๓ เส้นสลับกัน ดูตามอาหาร มากหรือน้อย เช่น

- ปวดขาด้านในตามเส้นของตับ หมายถึงพลังของตับ การทำงานของตับติดขัด สำรองเลือดไม่ทัน หรือร่างกายจ่ายพลังงานมากเกินไป เมื่อเสียสมดุล เริ่มแรกจะแสดงอาการตึงที่เส้นตับ แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นปวด ถ้ายังเสียสมดุลอย่างต่อเนื่องอีก และหากเรายังไม่หยุด....

ตามเหตุอันเกิดปัญหาจากตับ คือ....

- นอนดึกเกิน ตี ๑

- ขี้โมโหบ่อยๆ

- ขับรถทางไกลนานๆ อดหลับ อดนอนด้วย

- กินอาหารที่มีพิษ เช่น ถั่วลิสงป่นหรือพริกป่นที่ทิ้งไว้นานๆจนมีเชื้อรา ผักพืชผลไม้ เคลือบสารพิษ เช่น ฟอร์เมอร์รีน

- ได้รับอุบัติเหตุหลายครั้ง

- ดื่มเหล้าบ่อยๆ

วิธีปรับสมดุล

๑. ควรหยุดพฤติกรรมดังกล่าวมาแล้ว หรือค่อยๆ ลด ละ เลิกให้ได้ ร่างกายก็จะเข้าสู่สภาวะสมดุลเอง

๒. โดยการกดจุดตับ(liv ๑๒, ๑๑, ๙, ๘, ๗, ๖, ๕)

...............

แต่ถ้ามีอาการปวดที่เส้นของตับ พร้อมกับีตุ่มใสๆ เหมือนกับงูสวัด นั่นคือร่างกายส่งสัญญาณว่า ตับกำลังขับสารพิษออกจากร่างกาย ถ้าตุ่มใสมีจำนวนมาก แสดงว่า สารเคมีที่มากับอาหารก็มีจำนวนมาก ตับและม้าม จะต้องทำหน้าที่ขับสารพิษออกจากระบบเลือด

อ่านต่อเอาเองนะครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก