ปรับสมดุลบรรเทาอาหารปวดขา
คัดลอกมาจากหนังสือเส้นสายสร้างดุลยภาพ โดยล้อเกวียน สำนักพิมพ์บริษัทฟ้าอภัยจำกัด พิมพ์ครั้งที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ (เล่มละ ๒๐ บาท ถูกมากๆ)
อาการปวดขานั้นมีหลายแบบ เช่น ปวดขาด้านใน ปวดขาด้านนอก ปวดหน้าขา ปวดหลังขา อาการปวดต่างๆกัน หมายถึงการบอกถึงความอ่อนแอของอวัยวะต่างๆในร่างกายด้วย เพราะแต่ละตำแหน่งนั้นมีเส้นแนวเมอริเดียนของอวัยวะต่างๆผ่าน เช่น
ถ้าปวดขาด้านใน หมายถึง ปัญหาเกิดขึ้นที่ ตับ ม้าม ไต
ถ้าปวดขาด้านนอก หมายถึง ปัญหาเกิดขึ้นที่ ถุงน้ำดี
ถ้าปวดขาด้านหน้า หมายถึง ปัญหาเกิดขึ้นที่ กระเพาะอาหาร
ถ้าปวดขาด้านหลัง หมายถึง ปัญหาเกิดขึ้นที่ กระเพาะปัสสาวะ ไต
ปวดขาด้านใน
คือ สัญญาณบอกถึงการเกิดปัญหากับ ตับ ม้าม ไต อาจมีปัญหาที่แต่ละอวัยวะ หรือ มีปัญหารวมทั้ง ๓ อวัยวะเลยก็ได้ เราต้องหาต้นเหตุก่อนว่ามีอาการปวดที่เส้นใด หรือมีอาหารปวดทั้ง ๓ เส้นสลับกัน ดูตามอาหาร มากหรือน้อย เช่น
- ปวดขาด้านในตามเส้นของตับ หมายถึงพลังของตับ การทำงานของตับติดขัด สำรองเลือดไม่ทัน หรือร่างกายจ่ายพลังงานมากเกินไป เมื่อเสียสมดุล เริ่มแรกจะแสดงอาการตึงที่เส้นตับ แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นปวด ถ้ายังเสียสมดุลอย่างต่อเนื่องอีก และหากเรายังไม่หยุด....
ตามเหตุอันเกิดปัญหาจากตับ คือ....
- นอนดึกเกิน ตี ๑
- ขี้โมโหบ่อยๆ
- ขับรถทางไกลนานๆ อดหลับ อดนอนด้วย
- กินอาหารที่มีพิษ เช่น ถั่วลิสงป่นหรือพริกป่นที่ทิ้งไว้นานๆจนมีเชื้อรา ผักพืชผลไม้ เคลือบสารพิษ เช่น ฟอร์เมอร์รีน
- ได้รับอุบัติเหตุหลายครั้ง
- ดื่มเหล้าบ่อยๆ
วิธีปรับสมดุล
๑. ควรหยุดพฤติกรรมดังกล่าวมาแล้ว หรือค่อยๆ ลด ละ เลิกให้ได้ ร่างกายก็จะเข้าสู่สภาวะสมดุลเอง
๒. โดยการกดจุดตับ(liv ๑๒, ๑๑, ๙, ๘, ๗, ๖, ๕)
...............
แต่ถ้ามีอาการปวดที่เส้นของตับ พร้อมกับีตุ่มใสๆ เหมือนกับงูสวัด นั่นคือร่างกายส่งสัญญาณว่า ตับกำลังขับสารพิษออกจากร่างกาย ถ้าตุ่มใสมีจำนวนมาก แสดงว่า สารเคมีที่มากับอาหารก็มีจำนวนมาก ตับและม้าม จะต้องทำหน้าที่ขับสารพิษออกจากระบบเลือด
อ่านต่อเอาเองนะครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก